Go Away….หน้าห้อย
ใครจะว่าแบ็งค์เป็นนกหงษ์หยกก็ยอมค่ะ
เพราะแบ็งค์รักสวยรักงามและกลัวแก่มาก ขนาดโต๊ะทำงานก็ต้องมีกระจกส่องหน้าตัวเองตลอด…ตลอด
แต่ขอสารภาพค่ะว่า ตอนอายุน้อยๆ สักยี่สิบกว่าๆ เราอาจไม่ได้สนใจมากเท่าปัจจุบัน ดูแลผิวหน้าด้วยการทาครีมบ้าง เพราะแม่สอนให้ทาครีมตั้งแต่เด็ก (ต้องบอกว่าโชคดีที่มีพ่อกับแม่หน้าเด็ก เลยทำให้แบ็งค์หน้าเด็กไปด้วย… 555) ส่วนเรื่องเข้าสปานวดตัว นวดหน้า ขอบอกว่า…ขี้เกียจ เพราะทำงานเยอะ
มารู้ตัวอีกทีตอนอายุสามสิบกว่า เมื่อมีคนทักแบ็งค์ว่ามีร่องแก้ม ตอนนั้นเสียเซล์ฟมาก เกิดมาไม่เคยรู้เลยว่าร่องแก้มคืออะไร นึกว่าเกิดจากที่เราแก้มเยอะ ยิ้มบ่อย จึงเป็นเส้น แต่เมื่อมีคนทัก ไม่ได้การแล้ว ต้องรีบค้นหาสาเหตุ จนรู้ว่าใบหน้าคนเมื่อมีอายุยี่สิบปีขึ้นไป ต้องสูญเสียคอลลาเจน 1 เปอร์เซ็นต์ทุกปี เนื่องจากความแก่ เปรียบเทียบเหมือนดินในคลองที่ค่อยๆหายไป จนเป็นร่อง ใบหน้าก็เหมือนกัน เกิดร่องลึกที่แก้มและใต้ตา ดูเป็นเส้น ดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้า
ตอนอายุน้อย ทุกอย่างอยู่กึ่งกลางใบหน้า เช่น มีแก้มพวง หรือ ‘แก้มส้ม’ เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย ร่องลึก ทำให้หน้าดูมีมิติ สวยได้รูป ตามคอนเซ็ปต์ ‘Triangle of Youth’ หรือ ‘สามเหลี่ยมแห่งความเยาว์วัย’ แต่พออายุมากขึ้น ทั้งโหนกแก้มและแก้มส้ม เริ่มแบะออกด้านข้าง บวกกับผิวพรรณเริ่มหลวม ไม่กระชับเหมือนเดิม ทำให้แก้มห้อย ย้อย อีกทั้งกระดูกบางส่วนเริ่มยุบตัวลง เนื้อเยื่อใต้ตา ซึ่งเป็นส่วนกลางของใบหน้าเริ่มแบน ทำให้ความโหนกนูนของใบหน้าค่อยๆ ย้ายออกด้านข้าง เป็นต้นเหตุให้หน้าบาน ไม่เรียวกระชับ คอไม่ระหง เริ่มมีคาง 2 ชั้น ทำให้เห็นกรอบหน้าไม่ชัด ผู้หญิงเราจะดูแก่หรือไม่ ให้ดูที่คอ ถ้าคอเหี่ยว มีเหนียงห้อย ถ่ายรูปไม่ ‘เป๊ะ’ เหมือนเด็ก นั่นแหละ ใช่เลย สัญญาณแก่มาแล้ว แต่ปัญหาเหล่านี้ นวัตกรรมทางการแพทย์ช่วยได้ เพียงแต่ต้องรู้จักฉกฉวย มาช่วยชะลอและป้องกันอย่างชาญฉลาด
กระตุ้นคอลลาเจน-ปรับร่องลึกให้ตื้น ด้วย 5 นวัตกรรมใหม่ ไม่เจ็บตัว
ปัจจุบันมีวิธีกระชับผิวหน้าและลำคอโดยไม่ต้องผ่าตัดหลากหลายวิธี ไม่เจ็บตัว ไม่เสียเวลาพักฟื้น และแบ็งค์ทำมาหมดแล้วทุกวิธี จึงอยากแชร์ประสบการณ์
1. เลเซอร์ยกกระชับ ( Tightening Laser/ RF)
แรกๆ เมื่อเริ่มเข้าวงการ (ความงาม) แบ็งค์ใช้เลเซอร์เติมคอลลาเจนให้ผิว ด้วยการส่งพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ลงลึกถึงผิวชั้นหนังแท้ เพื่อเสริมเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ทดแทนคอลลาเจนเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถามว่าเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหรือเปล่า คงไม่ชัดเจนขนาดนั้น เพราะคอลลาเจนใช้เวลาสร้างตัวเอง 1-2 เดือน วิธีนี้จึงเป็นเหมือนการสะสมบุญ ค่อยเป็นค่อยไป
2. ยกกระชับด้วยคลื่นวิทยุเทคโนโลยีเทอร์มาจ (Thermage:Monopolar Radio Frequency)
เมื่อนวัตกรรมก้าวหน้ามากขึ้น จึงมีเครื่องมือแพทย์ที่สามารถลงไปยังผิวชั้นลึกได้มากขึ้น ไม่ต้องทำบ่อย แต่ผลการรักษาอยู่ได้นาน 1-2 ปี คราวนี้แบ็งค์แอดวานซ์โดยการทำเทอร์มาจ ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีให้เจ็บน้อยลง โดยค่อยๆปล่อยพลังงานความร้อนลงลึกและกินบริเวณกว้าง โดยผิวด้านบนไม่รู้สึกร้อน ผ่านไป 1-2 เดือน ผิวที่เคยหย่อนๆหลวมๆเหมือนผิวคนแก่ จะรู้สึกกระชับแน่น แข็งแรง ทำให้หน้าเล็ก เพราะส่วนที่ย้อยกระชับขึ้น แรกๆแบ็งค์ทำปีละครั้ง แต่เดี๋ยวนี้ทำทุก 6 เดือน ดีมาก ขอบอก
3. ยกกระชับด้วยเทคโนโลยีเครื่องโฟกัสอัลตราซาวนด์ (Ultherapy System)
เป็นการส่งผ่านพลังงานอัลตราซาวนด์ที่มีคลื่นความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง ลงลึกถึงชั้นพังผืดและกล้ามเนื้อ SMAS ลึกกว่าชั้นคอลลาเจน (เป็นชั้นที่ศัลยแพทย์ดึง เวลาผ่าตัดยกกระชับใบหน้า) นึกถึงไม้แขวนเสื้อนะคะ ถ้าใช้งานนานๆ ไม้แขวนเสื้ออาจค่อยๆงอลง เปรียบเหมือนโครงหน้าเราซึ่งหย่อนคล้อยตามกาลเวลา การทำอัลเทอร่า จึงเท่ากับช่วยดัดและยกโครงหน้าให้กระชับ ตอนทำอาจรู้สึกตุ้บๆ แต่เป็นความรู้สึกที่ทนได้ ถ้าเราท่องไว้ว่า ‘เพื่อความสวยๆ’ จะไม่เจ็บเลย การใช้เทอร์มาจและอัลเทอราควบคู่กัน ช่วยให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดในการยกกระชับใบหน้า ทำครั้งเดียว ผลอยู่ได้นาน 1-2 ปี
4. ยกกระชับใบหน้าและลำคอด้วยการฉีด BOtulinum TOXin (Nefertiti Lifting)
เป็นเทคนิคการยกกระชับหน้า ลำคอ และมุมปาก ให้แนวสันคาง และกรอบหน้าเห็นชัด ลดปัญหาแก้มหย่อน คางย้อย ปล้องบริเวณลำคอ เหนียงคอ ให้กระชับตึง โดยฉีดโบท็อกซ์เข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนที่ดึงรั้งผิวหน้าให้หย่อนคล้อย เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านั้นถูกยับยั้งการทำงาน ผลจึงออกฤทธิ์ในทางตรงกันข้าม คือ ทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกดึงขึ้นทำงานอย่างอิสระ ใบหน้าและลำคอยกกระชับตึง เห็นกรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าเรียวเล็ก แลดูอายุน้อย วิธีนี้ไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้ แต่เป็นเหมือนการซ่อมเสริมร่องรอยที่ทรุดตัวให้ดูตื้นและดีขึ้น
5. ยกกระชับใบหน้าด้วยการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ (Dermal Filler)
ต้องบอกว่า การฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์เปรียบเหมือนการเติมคอลลาเจนที่หายไปมาก (เสมือนการถมคูคลองให้เต็มตื้นขึ้นมา) ทำให้ริ้วรอยและร่องแก้มสองฝั่งเรียบเสมอกัน ไม่ต้องมีเส้นแบ่งโซนนิ่ง เพราะถ้าเริ่มมีริ้วรอย ร่องลึกเกิดขึ้น การทำเลเซอร์อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องทำโบท็อกซ์และฟิลเลอร์เสริมด้วย เพื่อลดริ้วรอยที่มีอยู่ เพราะต่อให้กระตุ้นเพื่อเพิ่มการสร้างคอลลาเจนอย่างไร ก็ไม่ทันกับที่สูญเสียไปแล้ว
สาวๆทั้งหลายอย่าลืมว่า เมื่อพ้นจากวัย 20 คุณเริ่มถูกภัยเงียบคุกคาม จากการสูญเสียคอลลาเจนปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ จึงควรเริ่มดูแลผิวตั้งแต่เนิ่นๆ ฉกฉวยความก้าวหน้าจากนวัตกรรมทางการแพทย์มาใช้อย่างชาญฉลาด โดยการปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและวิเคราะห์ปัญหา ให้คำแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสม
เลือกคลีนิคที่มั่นใจได้ว่า มีทั้งศาสตร์และศิลป์ในการที่จะทำให้เราสวยได้ และดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของความงามยุคนี้ล้อมกรอบ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ImmaginiDaisyDivaClinic
หรือสอบถาม Line ID @immagini