More than beauty หน้าดี ชีวิตดี๊ดี
มีผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนที่ไม่อยากสวยหรือหล่อไหมคะ ถ้ามีบอกกันได้นะ แต่ร้อยทั้งร้อย แบ็งค์เชื่อว่า แทบทุกคนอยากสวยอยากหล่อทั้งนั้น เพราะเมื่อเราดูดี ก็ย่อมรู้สึกดี จริงไหม
คนสวย-หล่อได้รับ ‘โอกาส’ มากกว่า
มีงานวิจัยหลายชิ้นของต่างประเทศระบุตรงกันว่า การเป็นคนสวยคนหล่อช่วยให้มีอะไรดีๆ เข้ามาในชีวิตเยอะมาก เช่น มีแนวโน้มหาคู่ได้ง่าย เพราะคนสวยคนหล่อย่อมเป็นที่ดึงดูดของเพศตรงข้าม โดยเฉพาะผู้หญิงสวย มักถูกมองว่ามีสุขภาพดี ถ้าตั้งครรภ์ มีโอกาสที่ลูกจะสมบูรณ์แข็งแรง เฉลียวฉลาด Dr. Daniel S. Hamermesh นักเศรษฐศาสตร์จาก University of Texas at Austin ระบุว่า ผู้หญิงสวย ผู้ชายหล่อ มีแนวโน้มได้เงินเดือนมากกว่า ได้รับการโปรโมตหน้าที่การงานเร็วกว่า ตำแหน่งงานสูงกว่า และยังพบด้วยว่า รายได้ของพนักงานผู้ชายหน้าตาดี สูงกว่ารายได้ของพนักงานหน้าตาธรรมดาถึง 9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้หญิงหน้าตาดีมีรายได้สูงกว่าผู้หญิงหน้าตาธรรมดาถึง 4 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุมาจากคนสวย-หล่อมักมีความมั่นใจในตัวเองสูง จึงมีแนวโน้มแสดงความคิดเห็นในที่ทำงานได้โดดเด่นกว่าพนักงานทั่วไป แม้กระทั่งการขอสินเชื่อธนาคาร คนหน้าตาสวย-หล่อ ก็มีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อสูงกว่าคนหน้าตาธรรมดาหรือหน้าตาไม่ดี
นอกจากนี้ผู้หญิงสวย ผู้ชายหล่อ ยังสามารถโน้มน้าวคนให้เชื่อง่ายกว่าด้วย นักการตลาดทั้งหลายจึงอยากจ้างพนักงานขายหน้าตาสวย-หล่อ มาขายสินค้าและบริการ เพื่อจะได้ขายของง่ายขึ้น เพราะผู้หญิงผู้ชายหน้าตาดีมักถูกมองว่าเป็นคนฉลาด มีความสามารถ น่าไว้วางใจมากกว่า นักวิจัยพบว่าผู้สมัครงานหน้าตาดีมีแนวโน้มที่บริษัทจะเรียกสัมภาษณ์และจ้างเข้าทำงานสูงกว่าคนหน้าตาธรรมดาหรือหน้าตาไม่สวย ซึ่งนักจิตวิทยาเรียกความคิดเชิงลำเอียงนี้ว่า Halo Effect จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะอะไร ผู้หญิงผู้ชายทุกวันนี้พยายามที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองสวย หล่อ และดูดีขึ้น
Mirror Mirror … บอก 4 ส่วนสวยบนใบหน้าผู้หญิง
ในเมื่อความสวย-หล่อเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากมี ดังนั้นเรามาเริ่มพิจารณาส่วนประกอบบนใบหน้าทีละส่วนดีกว่าว่า ที่เรียกว่า “สวย” มันต้องเป็นแบบไหนหรืออย่างไร
1.ดูสัดส่วนใบหน้า เมื่อแบ่งใบหน้าเป็น 3 ส่วนตามแนวนอน โดยส่วนที่ 1 เริ่มตั้งแต่ไรผมบริเวณหน้าผากลงมาถึงหว่างคิ้ว ส่วนที่ 2 เริ่มจากหว่างคิ้วถึงปลายจมูก และส่วนที่ 3 คือปลายจมูกถึงปลายคาง ทั้ง 3 ส่วนนี้ควรมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน ซึ่งส่วนที่ 3 นี้ค่อนข้างจะเป็นตัวกำหนดลักษณะของรูปหน้า ว่าจะเป็น ‘รูปกลม’ หรือ ‘รูปไข่’ แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าถ้าส่วนที่ 3 สั้นไป สามารถปรับให้ยาวขึ้นได้อย่างง่าย ด้วยการเติมฟิลเลอร์บริเวณคาง แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับใบหน้าด้านข้างด้วย
ส่วนการวัดใบหน้าแนวตั้ง 5 ส่วน คือ ข้างแก้มขวาถึงหางคิ้ว หางคิ้วถึงหัวคิ้ว ปีกจมูกขวาถึงปีกจมูกซ้าย หัวคิ้วถึงหางคิ้ว หางคิ้วถึงข้างแก้มซ้าย เป็นการตรวจดูความสมส่วน ทั้งในแง่ความกว้างและความแหลมของรูปคางว่าสวยพอหรือยัง
2.อวัยวะต่างๆบนใบหน้า เช่น หน้าผากที่สวย ต้องโหนกนูนได้รูป ไม่กว้างหรือแคบเกินไป ไม่มีริ้วรอยบนหน้าผาก ขมับไม่ควรเว้า (เป็นหลุมลึก) หรือบุ๋ม แต่ควรเต็มและโค้ง (เนียน) เชื่อมต่อกับโหนกแก้ม ส่วนแก้ม ควรมีลักษณะ “S curve” เมื่อมองมุมด้านข้างจากข้างแก้มลงมาเห็นโหนกแก้มนูนได้รูปคล้ายตัวเอส (S) หรือที่เรียกติดปากว่า “แก้มส้ม” เพราะแก้มสวย ช่วยให้คุณดูเด็กเสมอ ขณะที่ริมฝีปากสวย ต้องอวบอิ่ม ขอบปากชัด เนื้อปากไม่มีริ้วรอยแตกแห้ง ริมฝีปากล่าง ควรหนากว่าริมฝีปากบน 2 เท่า และส่วนริมฝีปากบนควรยื่นมาข้างหน้า 2-3 มิลลิเมตร ที่สำคัญคือ ตรงกลางขอบปากบนควรเว้าลงเป็นสามเหลี่ยม เรียกว่า “Cupid’s Bow” เป็นรูปปากที่สวย น่าดึงดูด บริเวณคางควรมีความยาวพอเหมาะ ปลายมน ส่วนที่ยื่นล่างสุดของคางควรอยู่แนวเส้นตรงเดียวกับหว่างคิ้ว อาจยื่นมาข้างหน้าเล็กน้อย เพราะลักษณะคางเป็นตัวกำหนดความยาวของใบหน้า
3. ดูความสมมาตรของใบหน้า ถ้าจะให้สวยต้องมีใบหน้าซีกซ้ายและขวาใกล้เคียงกัน มีขอบหรือกรอบหน้าชัดเจน ไม่หย่อนคล้อย
4. ดูลักษณะผิวหน้า ควรเรียบเนียน ไม่มีรอยด่างดำ รูขุมขุนกระชับ ไม่มีริ้วรอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก หรือรอยขมวดคิ้ว
ฉีด “คาง” ปรับสัดส่วนบนใบหน้าให้สวย “เป๊ะ”
แต่ละคนคงได้คำตอบแล้วว่าเราสวย-หล่อ (พอ) ไหม หรือถ้าอยาก ‘เป๊ะ’ กว่าที่เป็นอยู่ เดี๋ยวนี้มีหัตถการด้านความงามเป็นที่ยอมรับจากแพทย์ความงามทั่วโลกคือการฉีดเดอมัล ฟิลเลอร์ และ โบท็อกซ์ ไทป์เอ เพื่อปรับสัดส่วนต่างๆ บนใบหน้าให้สวยได้รูป ไม่มีริ้วรอย แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญความงาม และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานเท่านั้นจึงจะปลอดภัย
ทีนี้เรามาดูกันว่า ส่วนไหนบนใบหน้าที่คนเอเชียมีปัญหากันมาก แต่มีวิธีปรับแก้อย่างง่ายๆ ที่ช่วยให้ใบหน้ามีมิติสวยขึ้น คำตอบคือ ‘คาง’
ปัจจุบัน เรามีเทคนิคฉีดคางแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘6 points chin’ ของDr.De Maio (ศัลยแพทย์ เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งชื่อดังของสหรัฐอเมริกา) เป็นเทคนิคการปรับรูปคางโดยใช้ฟิลเลอร์ชนิด Juvederm Voluma ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเติมบริเวณคางมากที่สุด (เพราะมีการคงรูปได้ดี มีความเป็นธรรมชาติ ใช้ปริมาณน้อย และอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี) ซึ่งเทคนิคนี้สามารถนำมาแก้ปัญหาบริเวณคางได้ไม่ว่าจะเป็นหน้าสั้นกลมเพราะคางสั้น คางตัดหรือหุบเข้าด้านใน คางพับติดจนเป็นร่องลึกใต้ริมฝีปากล่าง คางบุ๋มหรือคางไม่เท่ากัน กรอบหน้าไม่ชัดหรือมีแอ่งเว้าบริเวณด้านข้างของคาง เป็นต้น นอกจากนี้การผสมผสานกับการฉีดโบท็อกซ์บริเวณคางจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ส่งผลให้รูปคางดูยาวขึ้น และมีลักษณะเรียบเนียนสวย ไม่เป็นก้อนกระจุกหรือขรุขระ
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาร่วมด้วยคือ การทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณคางที่เรียกว่า “Mentalis” ถ้ากล้ามเนื้อนี้ทำงานมากเกินไปจะทำให้คางเป็นก้อน หากปล่อยไว้เนื้อคางจะพับติดขึ้นจนเห็นเป็นเส้นชัดขึ้น เราเรียกลักษณะนี้ว่า “ครีส” วิธีสังเกตว่ากล้ามเนื้อคางทำงานมากไปหรือไม่ ให้ยืนส่องกระจก ทำปากแบะ จะเห็นกล้ามเนื้อเป็นก้อนบุ๋ม มีเส้นขึ้นบริเวณคาง แก้ไขได้โดยการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ จะช่วยให้ดีขึ้น
คางดี หน้าดี ชีวิตดี ว่าแล้วก็สำรวจคางตัวเองกันเถอะ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ImmaginiDaisyDivaClinic
หรือสอบถาม Line ID @immagini