Oh…My Face! ‘ย่น ยุบ ย้อย’ 3 สัญญาณยอดแย่บนใบหน้า
ปักษ์นี้ …แบ็งค์มีเรื่องเล่าแบบสวยเบาๆ มาแชร์กับคุณผู้อ่านค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่ออายุมากขึ้น ล้วนต้องเจอกับ 3 สัญญาณ‘ย่น ยุบ ย้อย’ ปรากฏบนผิวหน้า และ 3 สัญญาณนี้เองที่กลายเป็นปัญหาคาใจใครหลายคน
อุต๊ะ…ว้ายกรี๊ด เมื่อต้องเจอ ‘ย่น-ยุบ-ย้อย’
อย่างแรกที่คุณต้องเจอคือ ‘ย่น’
ทั้งที่ใครๆ ก็ไม่อยากย่น จริงไหมคะ แต่ในความเป็นจริงรอยย่นมักถูกทิ้งไว้บนหน้าให้เพื่อนฝูงหรือคนรู้จักได้เอ่ยทักกันเกรียว
สิ่งที่เราควรรู้คือรอยย่นมี 2 ชนิด
1. รอยย่นที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น เวลายิ้มหรือหัวเราะ ทำให้เห็นรอยตีนกา หรือเมื่อเลิกหน้าผากขึ้น เห็นริ้วรอยที่หน้าผาก หรือเห็นเป็นรอยขมวดคิ้วบ้างอะไรบ้าง
2.ย่นยังอาจเกิดได้จากริ้วรอยถาวรบนใบหน้าเรานั่นเอง ต่อให้ทำหน้านิ่งๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรก็ยังเห็นรอยย่นประทับอยู่ที่หน้าผาก ร่องแก้ม ริ้วรอยใต้ตา ซึ่งปัญหาริ้วรอยถาวรเหล่านี้มักเกิดจากเจอแสงแดดและมลภาวะต่างๆ การแสดงสีหน้า รวมถึงการดูแลรักษาผิวพรรณตัวเอง ถ้าไม่รีบแก้ไขหรือทำอะไร ริ้วรอยพวกนี้จะลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น
ส่วน ‘ยุบ’ เกิดจากโครงสร้างใบหน้าคนเรา ซึ่งประกอบด้วยกระดูก กล้ามเนื้อ ไขมัน และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆ มีส่วนประกอบที่สำคัญเช่น คอลลาเจน อีลาสติน และ ไฮยาลูโรนิก เป็นต้น มีส่วนช่วยให้ความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น ช่วยอุ้มน้ำ ทำให้ใบหน้าเรามีมิติได้รูป ผิวเต่งตึงเหมือนลูกโป่งที่ใส่น้ำเต็ม แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดการเปลี่ยนแปลงตามวัย กระดูกส่วนกลางของใบหน้าเริ่มยุบเข้า ชั้นไขมันเริ่มลดปริมาณลง เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมโทรม ลดจำนวนลง ทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เสมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยน้ำออก ค่อยๆ แฟ่บ แบนลงไปทีละน้อย ใบหน้าเราก็เช่นเดียวกันกับลูกโป่ง ค่อยๆ เหี่ยวและแบนลง ไม่เต่งตึงเหมือนสาว เห็นได้ชัดบริเวณขมับ ใต้ตาและโหนกแก้ม
ขณะที่ ‘ย้อย’ เกิดต่อเนื่องจาก ‘ยุบ’ ด้วยโครงสร้างชั้นในของผิว ประกอบกับแรงโน้มถ่วงโลกที่คอยถ่วงลง ปริมาณโครงสร้างภายในชั้นผิวลดลง คุณภาพของเส้นใยต่างๆ เริ่มลดลง ทำให้ผิวด้านนอกมีลักษณะคล้อยห้อย ย้อย มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณแก้ม ร่องแก้ม หรือแม้กระทั่งกรอบหน้า ทำให้หน้าเราห้อยลงมากองรวมกันด้านล่างเกิดเป็น ‘เหนียง’ ที่เห็นชัดเจนมากขึ้น
เมื่อทั้งย่น ยุบ ย้อย มารวมตัวกัน ใบหน้าเราจึงเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น แฟ่บ และห้อยลงมาราวกับลูกโป่งที่ถูกดูดทุกอย่างออกหมด ดูเหี่ยว ไม่สวย ซึ่งวิธีแก้ไขอาการย่น ยุบ ย้อย คงต้องแก้ที่ต้นเหตุ ส่วนจะแก้ไขแบบใด ก็มีวิธีการแตกต่างกันไป
‘โบท็อกซ์’ + ‘ฟิลเลอร์’… เดี๋ยวเจอกัน
อย่างที่บอกว่า ริ้วรอยแบ่งเป็น 2 แบบ ถ้าริ้วรอยนั้นเกิดจากการแสดงสีหน้า ทำให้เห็นริ้วรอยเหล่านั้นเวลายิ้มหรือเลิกหน้าผาก ต้องใช้การฉีดโบท็อกซ์เพื่อคลายกล้ามเนื้อบางส่วน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ เหล่านั้น แสดงสีหน้าน้อยลง แนะนำให้ฉีดทุก 4 เดือน ปีหนึ่ง 3 ครั้ง เพื่อให้ริ้วรอยเหล่านั้นลดลงและคงสภาพได้นาน รวมถึงในการฉีดครั้งต่อไปก็จะใช้ปริมาณโบท็อกซ์น้อยลงด้วย
ส่วนรอยย่นถาวร ไม่แสดงสีหน้าก็มีรอยย่นให้เห็น เช่น ฝรั่งอายุเยอะ
มีเส้นที่หน้าผาก หรือร่องแก้ม ซึ่งเป็นรอยย่นขนาดลึก อาจต้องใช้ฟิลเลอร์เติมให้เต็ม เพราะแค่หน้านิ่งก็เห็นริ้วรอยนั้นแล้ว เพียงแต่ให้คุณหมอเป็นผู้วิเคราะห์ปัญหาว่ารอยย่นนั้นเกิดจากอะไร เช่น เกิดจากไขมันหาย หรือกระดูกยุบตัว ควรใช้เทคนิคใด หรือควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ชนิดไหน อย่าง HA Filler เป็นสารที่ช่วยเติมเต็มและค้ำจุนให้โครงสร้างผิวหนังกลับมายกกระชับ ทดแทนไขมันและมวลกระดูกที่ยุบตัวลง ทำให้แลดูอ่อนวัย เห็นผลทันที
ขณะที่การยุบและย้อย โดยเฉพาะปัญหาขมับบุ๋ม ร่องลึกใต้ตา แก้มห้อย คุณหมอต้องวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น พิจารณาจากไขมันบริเวณแก้มที่ซัพพอร์ตใต้ตา หากเกิดการยุบตัวลงมา ส่งผลให้แก้มห้อย และดึงถุงใต้ตาลงมาคงต้องใช้ฟิลเลอร์เข้าไปเติมไขมันบริเวณแก้มให้เต็ม เพื่อเป็นตัวซัพพอร์ตไขมันใต้ตา ปัจจุบันการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติในการยกตัวบวกกับเทคนิคของคุณหมอ จะช่วยให้ไขมันที่ย้อยและคล้อยเหล่านั้นถูกขึงให้ตึงขึ้นและเคลื่อนกลับมาในตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้งนี้ทั้งนั้นจำเป็นต้องเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเพื่อการยกตัวขึ้นโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มเท่านั้น ซึ่งกลายเป็นเหมือนการถ่วงน้ำหนัก ส่งผลให้ยิ่งห้อยมากขึ้น กรณีที่ทั้งย่น ยุบ และย้อยแล้ว จำเป็นต้องแก้ไขโดยการผสมผสานทั้งการฉีดโบท็อกซ์ และฟิลเลอร์ ควบคู่กันไป เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่สวย แลดูอ่อนวัย เป็นธรรมชาติ
หลักสำคัญของการเติมฟิลเลอร์ คือ ต้องเป็นเรื่องของฝีมือแพทย์ บวกกับผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ ที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด ใบหน้าจึงจะสวยได้รูปตามธรรมชาติ
สังเกตอย่างไรถึงรู้ว่า ‘ยุบ’ และ ‘ย้อย’
ถ้าเป็นเรื่องริ้วรอยหรือความย่น มองด้วยตาก็คงเห็นแล้ว แต่ ‘ยุบ’ กับ ‘ย้อย’ นี่สิคะ บางคนอาจไม่รู้จะสังเกตตัวเองอย่างไรว่าเข้าข่ายแล้วหรือยัง
วิธีง่ายๆ คือ ยืนส่องกระจก ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเราค่อนข้างชัด ถ้าเมื่อก่อนเคยเห็นกรอบหน้าตัวเอง ชัดเจน ไม่เคยมีเหนียงใต้คอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เริ่มเห็นกรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียง หรือมีร่องแก้มมากขึ้น นั่นละคะ คือ เกิดการยุบและย้อยแล้ว ปัจจุบันที่คนนิยมกันมากคือ ‘ Botox Lift’ คือ การใช้โบท็อกซ์ฉีดคลายกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอย มาฉีดที่ชั้นผิวหนังตื้นๆ ตามกรอบหน้าหรือลำคอ เพื่อช่วยกระชับผิว ทำให้ผิวเกิดการยกตัว ใช้ควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์ เป็นการซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดการกระชับที่ได้ผลดีขึ้น
แบ็งค์แนะนำว่า ก่อนคิดจะทำอะไร ควรศึกษาหรือถามคุณหมอให้ละเอียด เพื่อจะได้เข้าใจว่าปัญหาของตัวเองคืออะไร วิธีแก้ไขต้องทำอย่างไร ที่สำคัญคือถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ใช้ด้วยว่าคืออะไร เพื่อให้การแก้ไขนั้นส่งผลให้ใบหน้าเราสวยงาม ดูดี และปลอดภัยกับตัวเองมากที่สุด ที่สำคัญคือตัวยาที่ใช้ควรผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา (FDA) เพราะแค่คำว่า ‘ฟิลเลอร์’ ก็มีหลายยี่ห้อ ในหนึ่งยี่ห้อมีตั้งหลายรุ่น แต่ละรุ่นเหมาะกับแต่ละจุดบนใบหน้าของแต่ละคนซึ่งมีปัญหาต่างกัน ไม่ใช่ว่าเห็นเพื่อนทำอันนี้มาแล้วสวย เราต้องทำตาม เพราะปัญหาของเราก็ไม่เหมือนของเพื่อน
ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนี่คือหน้าเรา ถ้าพลาดแล้วพลาดเลย ก่อนคิดจะทำอะไรกับหน้า แนะนำว่าปรึกษาคุณหมอดีที่สุดค่ะ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ImmaginiDaisyDivaClinic
หรือสอบถาม Line ID @immagini