Perfect Skin & Body ผิวหนังหย่อนคล้อย — เรื่องซีเรียสของผู้หญิง

อะไรเอ่ย…แก่ง่าย ตายช้า? ;))

OOPS!…เป็นคำถามหยาบคายที่บรรดาคุณสามีขี้อำ มักถามกันสนุก ๆ ในหมู่เพื่อนฝูง แล้วฮากันครืน แต่แบ็งค์ขอเชียร์คุณผู้หญิงทั้งหลายว่า อย่ายอมให้กาลเวลาทำร้ายสภาพผิวเราได้เหมือนที่คุณผู้ชายอำนะคะ

จริงอยู่ว่าเมื่อผู้หญิงเราย่างเข้าวัย 35 อัพ สภาพผิวบริเวณต่าง ๆ เริ่มหย่อนคล้อย เช่น หนังตาหย่อนลงมาปิดดวงตา หางตาตก แก้มหย่อนยาน คางเริ่มย้อย

นอกจากใบหน้าแล้ว ยังพบผิวหย่อนคล้อยบริเวณลำตัว ไม่ว่าจะเป็นแขน หน้าอก หน้าท้อง ต้นขาด้านใน  ก้น ฯลฯ อันเนื่องมาจากเส้นใยคอลลาเจน (collagen) และอีลาสติน (elastin) ซึ่งเป็นโปรตีนประเภทหนึ่ง ที่สร้างความเข็งแรง ช่วยกระชับ และยืดหยุ่นให้ผิวหนัง  เสื่อมสภาพและสูญเสียไป โดยร่างกายไม่สามารถผลิตมาทดแทนได้ในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อยไปตามสภาพ แม้ทุกวันนี้ เราไม่อาจแก้ไขสภาพผิวให้กลับมาสวยเหมือนเดิมได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยช่วยชะลอความหย่อนยานได้บ้าง ก็น่าจะดีไม่น้อย

4 วิธีชะลอการสูญเสียเส้นใยคอลลาเจน+อีลาสติน

เมื่อผู้หญิงเราอายุมากขึ้น  ร่างกายจะผลิตเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงต่อเนื่องทุกปี ส่วนที่มีอยู่เดิม ก็เริ่มเสื่อมสภาพ และสูญเสียคุณสมบัติไปในที่สุด ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดช่วยหยุดยั้งการเสื่อมสภาพตามกระบวนการธรรมชาติดังกล่าว  แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยภายนอกที่เร่งการเสื่อมสภาพดังกล่าวได้ เริ่มจาก…

1.หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด เพราะการตากแดดจัดๆ เป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายสูญเสียเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินเร็วกว่าปรกติ เนื่องจากรังสี UVA และ UVB ในแสงแดด ส่งผลให้ความสามารถของร่างกายในการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง  แต่ถ้าจำเป็นต้องอยู่กับแสงแดดจัดเป็นเวลานาน แนะนำให้สวมเสื้อผ้ามิดชิด ทาครีมกันแดดที่มีค่า PA+++ (Protection Grade)  และ SPF (Sun Protection Factor)  ที่มีค่าอย่างน้อย 30 จึงจะช่วยป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB ด้วยเหตุที่ประเทศไทยมีแสงแดดจัดตลอดปี แบ็งค์จึงอยากแนะนำให้ลงทุนซื้อครีมกันแดดที่มีคุณภาพดี พกติดตัว เก็บไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา เมื่อต้องออกไปตากแดดจัดเป็นเวลานานๆ  หมั่นทาใบหน้า และลำคอ ถ้าจะให้ดีควรเริ่มตั้งแต่อายุน้อย ๆ เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี UV เสียแต่เนิ่น ๆ

2. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ บุหรี่เป็นมีส่วนสำคัญทำให้ผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าปรกติ เพราะนิโคติน (Nicotine) และสารอื่น ๆ ในบุหรี่ ทำให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังบีบตัวเล็กลง ไม่สามารถส่งออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ร่างกายลดความสามารถในการผลิตเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน จึงเกิดรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาและบริเวณปาก รวมถึงมีกลิ่นปาก เกิดคราบฟัน โรคเหงือก และเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด และโรคอื่น ๆ ตามมาอีกเพียบ

3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง มีงานวิจัยพบว่า อาหารที่มีน้ำตาลสูง ส่งผลเสียต่อเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ขาดความยืดหยุ่นและเปราะบาง แนะนำให้หันมาทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินบี วิตามินอี เช่น เมล็ดธัญพืช ถั่ว  ข้าวไม่ถูกขัดสี  ไข่ไก่  ตับ ผักสีเขียว กะหล่ำปลี  ผักโขม  ผักคะน้า ผักบร็อคโคลี่ ฝรั่ง  ส้ม ฯลฯ ดีกว่า เพราะวิตามินเหล่านี้ ช่วยเสริมให้ร่างกายสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ขณะเดียวกันผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น แตงโม มะละกอสุก มะเขือเทศที่ผ่านการแปรรูป (ซ้อสมะเขือเทศและน้ำมะเขือเทศ) มีสารไลโคปีนสูง จะช่วยป้องกันผิวหนังจากอันตรายรังสี UV ในแสงแดด

4. ระวังการลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว เพราะทำให้ผิวหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณเอว หน้าท้อง และขา ยิ่งน้ำหนักตัวลดลงเร็วเท่าไหร่ ยิ่งเห็นผิวหย่อนคล้อยชัดเจนมากเท่านั้น สาเหตุเนื่องจากตอนอ้วนเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินยืดออกตามตัว แต่เมื่อน้ำหนักลดรวดเร็ว เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินไม่อาจหดกลับคืนเหมือนสภาพเดิมได้ในเวลารวดเร็ว ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย

แบ็งค์จึงอยากแนะนำว่า การลดน้ำหนักที่ดี ควรค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรลดน้ำหนักเกินกว่าสัปดาห์ละ 1 กิโลกรัม และอาจเสริมด้วยการออกกำลังกายแบบแรงต้าน เช่น การทำ push-up  หรือ sit-up รวมทั้งฝึกยกน้ำหนักซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้บริเวณผิวที่หย่อนคล้อย กระชับขึ้น

เทคนิคชะลอผิวหนังหย่อนคล้อย

นอกจากคุณจะดูแลตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ อย่างที่แบ็งค์แนะนำแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้สภาพผิวของคุณดูกระชับได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว คือ การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ในการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด (non-invasive) ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม เช่น คลื่นวิทยุ (radio frequency) คลื่นอัลตราซาวด์ (ultrasound) และคลื่นแสงเลเซอร์ (lasers) ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายกัน โดยสร้างความร้อนใต้ผิวหนัง ในระดับความลึกที่แตกต่างกัน ความร้อนจะทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีอยู่เดิมใต้ผิวหนังนั้น เกิดการหดตัว ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้น

นอกจากนั้นความร้อนยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ การรักษาโดยเทคโนโลยีประเภทนี้ จะทำให้คนไข้รู้สึกว่าผิวเริ่มกระชับขึ้น  และเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง จะรู้สึกกระชับเพิ่มขึ้น ลักษณะของเทคโนโลยียกกระชับแบบไม่ผ่าตัดนี้คือ ไม่มีรอยแผลเป็นจากการรักษา  ใช้เวลาในการรักษาแต่ละครั้งไม่เกิน 1 ชั่วโมง  รักษาเสร็จแล้ว คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับบ้านได้เลย และ ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ตามปรกติ

นอกจากนี้ สิ่งที่ควรรู้ คือ วิธีบรรเทาผิวหย่อนคล้อยดังกล่าว มีข้อดี ข้อเสีย และผลการรักษาในแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว  จึงควรศึกษาข้อมูล ตรวจสอบการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

แต่วิธีดีที่สุด แบ็งค์แนะนำว่าควรเริ่มต้นจากการป้องกันตัวเองด้วยวิธีง่าย ๆ คือ หลีกเลี่ยงการตากแดดจัดบ่อย ๆ เป็นเวลานาน ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่  หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด เลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิว คงพอช่วยให้คุณมีสภาพผิวและรูปร่างเพอร์เฟ็คท์ระดับหนึ่งเลยล่ะค่ะ

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ImmaginiDaisyDivaClinic
หรือสอบถาม Line ID @immagini