Transform น่องใหญ่ให้เรียวสวย (2)

ตอนที่แล้วแบ็งค์เขียนถึงปัญหารูปร่างและผิวพรรณที่ไม่กระชับของสาวๆไปแล้ว  ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการสะสมไขมันที่มากเกินไป

เพราะฉะนั้นปักษ์นี้เรามาดูปัญหากวนจิตของสาวออฟฟิศยุคนี้กันต่อ นั่นคือปัญหาเรื่อง ‘น่องใหญ่’ จนสาวๆที่อยากอวดเรียวขาสวยในชุดกระโปรงสั้น ต้องเก็บงำความอยากไว้ แต่ถ้าทำตามเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับวิธีลดน่องที่แบ็งค์นำมาฝากละก็ รับรองว่าคุณได้น่องเรียว สวยสมใจแน่นอน

อย่างที่ทราบกันว่า ‘น่องใหญ่’ หรือ ‘น่องโต’ (radish like legs) นั้นเกิดจาก 2 กรณี คือ ไขมันสะสมมากเกินไปและใช้กล้ามเนื้อน่องมากเกินไป แต่เราพบว่าผู้หญิงมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่มีน่องโต ส่วนใหญ่เกิดจากกล้ามเนื้อที่น่องโตเพราะไขมันมีน้อย ซึ่งสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ หรือบางครั้งถ้าเดินหรือออกกำลังกายมากเกินไป ใส่รองเท้าส้นสูง หรือยืนเป็นเวลานานๆ ก็ทำให้น่องโตได้เช่นกัน

ทีนี้การจะลดน่องให้ได้ผล คุณผู้หญิงทั้งหลายควรต้องทราบก่อนว่า สาเหตุที่น่องของเราใหญ่โตนั้น เกิดจากอะไร จะได้รักษาถูกต้อง วิธีสังเกตง่ายๆ คือ ถ้าน่องโตเพราะไขมัน เราก็จะเห็นว่าน่องด้านล่างเหนือข้อเท้าเราดูอวบๆ เหมือนขาโต๊ะ แต่ถ้าน่องโตเพราะเกิดจากกล้ามเนื้อ ให้ลองเขย่งเท้าดู จะเห็นกล้ามขึ้นเป็นลูกลองจับที่น่องดู จะรู้สึกเป็นมัดแข็งๆ นั่นแสดงว่า น่องโตจากกล้ามเนื้อ แต่ก็มีบางคนที่น่องโตเพราะมีทั้งกล้ามเนื้อและไขมันร่วมกัน

เมื่อรู้ต้นเหตุแล้ว คราวนี้มาดูวิธีลดน่องดีกว่าว่าทำอย่างไรได้บ้าง

วิธีลดน่องโตจากกล้ามเนื้อ

• หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้น่องโต เช่น การวิ่งหรือเดินระยะไกล การยืนบนรองเท้าส้นสูงทั้งวัน หรือยืนนานๆ เอาเป็นว่าพยายามใช้กล้ามเนื้อน่องให้น้อยที่สุดแล้วกันนะคะ

• ปรับบุคลิกภาพ ทั้งการยืน เดิน หรือนั่ง ให้ยืดตัวตรง ยืดอก ไม่หลังค่อม ไม่เดินก้มหน้า ไม่เขย่งปลายเท้า ไม่นั่งยองๆ เอาส้นเท้าลงพื้นก่อนปลายเท้าเสมอ เพราะส้นเท้ารับน้ำหนักได้ดีกว่าปลายเท้า

• ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อยืดน่อง เช่น หมุนข้อเท้าเป็นวงกลม 360 องศา หรือยืดเส้นที่กล้ามเนื้อน่อง โดยการเล่นโยคะหรือพิลาทีส อาจออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกน้อยๆเช่น การว่ายน้ำ หรือเดินสบายๆด้วยก็ได้

• ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องผ่านกระบวนการและอาหารที่มีน้ำตาลมาก เช่น มันฝรั่งทอด คุกกี้ ฯลฯ หันมาทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่ต่ำ จำพวก ผัก ผลไม้

• การผ่าตัดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิม ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากมีความเสี่ยงอันเกิดจากแผลผ่าตัด หรือไม่ก็ทำให้น่องสองข้างไม่เท่ากัน

• การผ่าตัดเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ เป็นการผ่าตัดเล็กกว่า โดยผ่าตัดเอาแค่เส้นประสาทกล้ามเนื้อส่วนที่ช่วยเขย่งปลายเท้าออก ได้ผลรวดเร็ว ใช้เวลาพักฟื้นน้อย แต่อาจเขย่งข้อเท้า วิ่ง หรือนั่งได้ลำบาก และผลการรักษาก็ไม่อาจบอกได้ว่าจะทำให้น่องลดลงได้ตามขนาดที่ต้องการหรือไม่

• ฉีดน่องให้เล็กด้วยโบทูลินั่มท็อกซินหรือโบท็อกซ์ ใช้หลักการเดียวกับการฉีดลดกรามให้รูปหน้าเรียวเล็กนั่นเอง เมื่อฉีดยาเข้าไปแล้ว ยาจะทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ผลที่ได้คือทำให้น่องดูเรียวขึ้นนั่นเอง วิธีนี้สามารถลดขนาดน่องได้ภายใน 1-3 เดือน และคงอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน จึงควรฉีดซ้ำทุก 6 เดือน

เทคนิคการฉีดคือ คุณหมอจะให้คนไข้ยืนเขย่งปลายเท้า เพื่อให้เห็นขนาดมัดกล้ามเนื้อชัดๆ และทำเครื่องหมายรอบๆ กระจายทั่วมัดกล้ามเนื้อ จากนั้นจึงค่อยฉีดโบท็อกซ์เป็นจุดเล็กๆ ปริมาณ 4 ยูนิตต่อพื้นที่ประมาณ 1.5 – 2 ตร.ซม. ซึ่งน่องแต่ละข้างใช้ประมาณ 50-70 ยูนิต สามารถลดเส้นรอบวงรอบน่องได้ 0.5 – 2 ซม.

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์คือ ไม่เกิดรอยแผลเป็นเหมือนการผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น

คนไข้สามารถไปทำงานตามปกติ ผลข้างเคียงพบได้น้อยมากหลังฉีด เช่น ช่วงแรกๆ อาจรู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อน่องเหมือนไม่มีแรง ทำให้การเขย่งปลายเท้า หรือการกระโดดอาจไม่มีแรงพอ แต่ก็ไม่มากเหมือนการผ่าตัด หรืออาจช้ำบริเวณที่ฉีดบ้างเล็กน้อย

วิธีลดน่องใหญ่จากไขมัน

• ถ้าน่องใหญ่พราะเป็นคนอ้วน หรือมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ต้องพยายามลดความอ้วนลง ควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อนั่นเอง เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน โยคะ พิลาทิส และยืดกล้ามเนื้อควบคู่ไปด้วย

• บริหารน่องด้วยการเขย่งปลายเท้า เช่น ขึ้นลงบันไดติดต่อกัน 50 ครั้ง หรือวิ่งด้วยปลายเท้า อย่าให้ส้นเท้าสัมผัสพื้นสัก 5-10 นาที หรือกระโดดเชือกโดยลงน้ำหนักที่ปลายเท้าอย่างน้อย 15 นาที

• ฉีดคาร์บอกซี่ลงในชั้นไขมันใต้ผิวหนังโดยทำต่อเนื่องกันประมาณ 5-6 ครั้ง เพื่อให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บริสุทธิ์ไปขยายเส้นเลือด ทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน

• เวเซอร์ (Vaser) เป็นการสลายไขมันเฉพาะจุดโดยการใช้คลื่นเสียง ได้ผลดีพอๆ กับการดูดไขมัน แต่นุ่มนวลและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำเรียบกระชับ ไม่มีปัญหาผิวขรุขระเหมือนการดูดไขมัน

หากกล่าวถึงนวัตกรรมที่ใช้สำหรับช่วยสลายไขมันส่วนเกิน หลายท่านคงเคยได้ยิน หรือไม่ก็คุ้นเคยกับ คำว่าเทคโนโลยี RF  (Radio Frequency)  หรือคลื่นความถี่วิทยุกันมาบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปเทคโนโลยีอาร์เอฟ  หมายถึง การปล่อยพลังงานช่วงคลื่นความถี่วิทยุให้ออกมาในรูปของพลังงานความร้อน ที่สามารถผ่านลงสู่ บริเวณชั้นผิวที่ต้องการ โดยมุ่งหวังให้ความร้อนนั้นกระตุ้นร่างกายให้สร้างคอลลาเจน อีลาสติน และช่วยลด ขนาดโมเลกุลไขมันส่วนเกินภายในร่างกาย ทำให้ผิวตึง กระชับ และลดริ้วรอย

นอกจากนี้เทคโนโลยีอาร์เอฟยังพัฒนาอีกหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์  และตรงกับความต้องการมากที่สุด เช่น เทคโนโลยีอาร์เอฟที่มีจำนวนขั้วส่งพลังงานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขั้ว เดียว (Mono Polar) สองขั้ว (Bi Polar) หรือตั้งแต่สองขั้วขึ้นไป (Uni Polar) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้มากขึ้น หรือการผสมผสานเทคโนโลยีอื่นๆ ร่วมกับเทคโนโลยีอาร์เอฟ เช่น ผสมผสานเทคโนโลยีอัลตร้าซาวนด์ หรืออัลตร้า ไวโอเลต ฯลฯ  ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป

การกำจัดไขมันส่วนเกินและลดขนาดเส้นรอบวงให้ได้ผลนั้น ควรเลือกใช้เทคโนโลยีอาร์เอฟที่สามารถส่งพลังความร้อนได้ลึกถึงชั้นไขมัน และสามารถเก็บพลังงานความร้อนนั้นไว้ในชั้นไขมันได้นานพอที่จะทำให้ขนาดของโมเลกุลไขมันแตกตัวเล็กลง ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าไม่ทำให้เจ็บ ไม่เสียเวลานาน ปลอดภัย และเห็นผลชัดเจน ก็ยิ่งตรงกับความต้องการและตอบโจทย์หนุ่มสาวที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า และเรือนร่างในยุคเร่งรีบอีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆคงต้องเริ่มวิเคราะห์ตัวเองก่อน แล้วค่อยนำเทคนิคการดูแลตัวเองแบบง่ายๆไปทดลองทำ จะได้อวดน่องเรียวสวยให้ใครต่อใครชายตามองได้ในวันหน้าค่ะ 

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ImmaginiDaisyDivaClinic
หรือสอบถาม Line ID @immagini